เลือดประกอบด้วย น้ำเลือด เกล็ดเลือด เซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว หากคิดว่าเลือดเป็นของไหลชนิดหนึ่ง เราก็จะสามารถอธิบายการไหลของเลือดในหลอดเลือดหัวใจที่ไม่มีการตีบด้วยสมการนาเวียร์ สโตกส์ (Navier-Stokes equation) ซึ่งเป็นสมการเชิงอนุพันธ์ย่อย (Partial Differential Equations) สำหรับการศึกษาการไหลของเลือดในหลอดเลือดหัวใจที่มีการตีบ จำเป็นต้องสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ประกอบด้วยสมการทางคณิตศาสตร์ที่อธิบายบริเวณที่มีการตีบและสมการนาเวียร์ สโตกส์ เพื่ออธิบายการไหลของเลือดในหลอดเลือดดังกล่าว ผลเฉลยจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ได้นำแปลความหมายอธิบายสมบัติทางการไหลของเลือดเช่น ความเร็ว (Velocity) ความเร็วเชิงมุม (Angular velocity) อัตราการไหล (Flow rate) ความต้านทานการไหล (Resistance to flow) แรงเสียดทานที่ผนังหลอดเลือด (Skin friction)
เนื่องจากงานวิจัยโดยทั่วจะศึกษาการไหลของเลือดในหลอดเลือดหัวใจที่มีการตีบโดยรูปร่างการตีบเป็นสมมาตรแนวดิ่ง (Vertically symmetry) แต่บางครั้งรูปร่างการตีบของผู้ป่วยไม่เป็นแบบสมมาตรแนวดิ่ง ดังนั้นงานวิจัยชิ้นนี้ได้ศึกษาการไหลของเลือดในหลอดหัวใจที่ตีบ โดยรูปร่างการตีบเป็นแบบไม่สมมาตรแนวดิ่ง (Vertical asymmetry) ซึ่งอธิบายด้วยฟังก์ชันเลขชี้กำลังและฟังก์ชันตรีโกณมิติ จากการศึกษาพบว่า สมบัติทางการไหลของเลือดในหลอดเลือดหัวใจที่ตีบแบบไม่สมมาตรแนวดิ่งมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญกับสมบัติทางการไหลของเลือดในหลอดเลือดหัวใจที่มีการตีบแบบสมมาตรแนวดิ่ง
ทั้งนี้การศึกษาในโอกาสต่อไป จะร่วมบูรณาการร่วมกับศาสตร์อื่น ๆ เช่น แพทย์ศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ เพื่อให้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์มีความเสมือนจริงมากที่สุดเพื่อที่จะการทำนายและอธิบายสมบัติการไหลของเลือดอันเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรทางการแพทย์เพื่อแสวงหาแนวทางที่เหมาะสมในการรักษาผู้ป่วยต่อไป
สำหรับงานวิจัยดังกล่าว ได้รับการตีพิมพ์ผลงานในวารสารวิชาการ Advances in Difference Equations Q1 (ISI) with impact factor 2.803
วันที่ : 1 ก.ย. 2021