มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) โดยคณะวิทยาศาสตร์ ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) สร้างโรงงานต้นแบบ “การผลิตพลาสติกชีวภาพสำหรับใช้งานทางการแพทย์” เพื่อผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพสำหรับการผลิตวัสดุการแพทย์แห่งแรกในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน ISO 13485 โดยมีการจัดพิธีเปิดห้องปฏิบัติการผลิตพลาสติกชีวภาพสำหรับใช้ทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ ในวันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2558 ณ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร. สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์พร้อมด้วยผู้บริหารคณะฯ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด ซึ่งการวิจัยและพัฒนาพลาสติกชีวภาพสำหรับใช้งานทางการแพทย์ในประเทศไทยกำลังได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากพลาสติกชีวภาพมีสมบัติการย่อยสลายได้ในร่างกาย ทำให้ไม่ต้องผ่าตัดซ้ำเพื่อนำวัสดุที่ใช้ในการรักษาเสร็จแล้วออกจากร่างกายผู้ป่วย รวมทั้งมีการใช้สารตั้งต้นบางส่วนที่มาจากวัตถุดิบชีวมวล
รองศาสตราจารย์ ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย
ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กล่าวว่า “วช. ได้เห็นความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพในประเทศไทยที่เป็นกลุ่มเทคโนโลยีใหม่และเทคโนโลยีสำคัญเพื่ออุตสาหกรรม ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตรและผลประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อม วช. จึงได้ร่วมมือกับ สนช. จัดทำโครงการสานเกลียววิจัยคู่นวัตกรรมด้านพลาสติกชีวภาพขึ้นมา โดย วช. สนับสนุนการวิจัยพื้นฐานในระดับต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ซึ่งผลการดำเนินงานที่สำคัญเกิดจากการสนับสนุนโครงการวิจัยการสังเคราะห์เม็ดพลาสติกชีวภาพให้กับกลุ่มนักวิจัยของผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วินิตา บุณโยดม ดังนั้น วช. จึงร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรที่สนับสนุนงานวิจัยดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้แก่ สนช. มช. และสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. ในการให้ทุนสนับสนุนการสร้าง “โรงงานต้นแบบการผลิตพลาสติกชีวภาพคุณภาพสูงสำหรับใช้เป็นวัสดุทางการแพทย์” ในวงเงิน 28 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นโรงงานต้นแบบระดับห้องปฏิบัติการแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้มาตรฐาน ISO 13485 สามารถผลิตพลาสติกชีวภาพเกรดทางการแพทย์ เพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับผลิตวัสดุทางการแพทย์ ถือเป็นการลดอัตราการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศและเป็นการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของอุตสาหกรรมชีวการแพทย์จากพลาสติกชีวภาพในประเทศไทยอีกด้วย”
ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สนช.) กล่าวว่า “รัฐบาลได้กำหนดนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพให้เป็นอุตสาหกรรมคลื่นลูกใหม่ (New Wave Industry) ของประเทศไทย และก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาคด้านอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพอย่างครบวงจร ภายใต้แผนที่นำทางแห่งชาติการพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ ความร่วมมือในการสนับสนุนโรงงานต้นแบบนี้ เป็นมิติใหม่ของความร่วมมือกันอย่างดียิ่งระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ได้ริเริ่มและเป็นแกนกลางในการทำงานร่วมกันและต่อยอดอย่างบูรณาการ เพื่อสนับสนุนให้เกิดสามารถช่วยผลิตวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานสากล สำหรับการนำไปประยุกต์ใช้เป็นวัสดุและเครื่องมือทางการแพทย์ สามารถลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ทั้งนี้ สนช. มีกลไกการสนับสนุนเงินทุนให้กับภาคเอกชนที่มีความสนใจในการพัฒนานวัตกรรมผลิตวัสดุและเครื่องมือแพทย์จากพลาสติกชีวภาพสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้าและเป็นตัวขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพให้มีความแข็งแกร่งและสามารถเป็นผู้นำในการแข่งขันได้ในภูมิภาค”
ดร. วิวรรณ ธรรมมงคล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีกระบวนการปิโตรเลียมและปิโตรเคมี บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยปณิธานในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลใส่ใจในชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ของกลุ่ม ปตท. ที่จะพัฒนาให้เป็น Eco Industrial Area ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกลุ่ม ปตท. ในการสร้าง Low Carbon Society เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน ทั้งธุรกิจ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทาง Green Growth Roadmap พลาสติกชีวภาพจึงเป็นกลุ่มธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ได้ประกาศการลงทุนที่ชัดเจน ดังนั้น เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลาสติกชีวภาพของประเทศไทย จึงได้ร่วมสนับสนุนงานวิจัยกับกลุ่มนักวิจัยของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วินิตา บุณโยดม มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ในโครงการการขยายสเกลการสังเคราะห์แลคไทด์จากแลคติกแอซิดโดยกระบวนการแบบกึ่งกะ และโครงการการสังเคราะห์พอลิแลคไทด์และโคพอลิเมอร์สำหรับประยุกต์ทางการแพทย์ จนสามารถต่อยอดผลงานวิจัยเป็นโรงงานต้นแบบผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพทางการแพทย์ ที่สามารถพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงทัดเทียมกับต่างประเทศนำไปใช้ประโยชน์ทางด้านการแพทย์ รวมทั้งลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งเสริมการใช้ของที่ผลิตในประเทศ โดยในอนาคตจะสามารถใช้เม็ดพลาสติกชีวภาพที่ผลิตโดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาและเทคโนโลยีของคนไทย”
วันที่ : 22 ส.ค. 2015